….กาลครั้งหนึ่ง ไม่นานนัก ซัก 5ปีที่แล้วเห็นจะได้ เป็นครั้งแรก ที่ผมได้ร่วม “กิจกรรมเพื่อสังคม” ในตอนนั้น ยอมรับตรงๆว่า ผม แมวเมี๊ยว ไม่ได้ดีเด่โดเรมีแต่อย่างใด ออกจะเลวร้ายบ้างในบางเรื่องด้วยซ้ำ(มึงมันหง้าว...ไอ้หน้าแมว T T) ที่มีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนั้นคงเพราะเป็นส่วนหนึ่งของวิชาเรียนในมหาลัย(ไม่ไปติด I ดิ!!! ) ความรู้สึกในขณะนั้น จริงๆแล้ว ผมก็ไม่ได้ซาบซึ้งกับ ”การให้”ซักเท่าไร เพราะไม่รู้ว่ามันดียังงัย มีคุณค่า มีความหมายกับใครมากน้อยแค่ไหน ข้อดีตอนนั้นที่พอจะจำได้ คือมันอาจจะทำให้ผมดูเป็นคนดี ดูเท่ห์ ขึ้นมาบ้างในสายตาของสังคม( น่าตบกะโหลกจุงเบย...เนอะ!!!)
....ปลายปี54 ผมได้เจอ เหตุการณ์การสูญเสียครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต เมื่อคนที่มีความหมายมากที่สุดในชีวิตจากไปผมไม่รู้ว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป “เพื่อใคร” ใน ณ วินาทีนั้นเอง ผมไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของ “คุณค่า” ในตนเอง เสียแล้ว
…หลังจากนั้นไม่นาน วิกฤตการณ์น้ำท่วมใหญ่ ชักนำให้ผมได้ “ออกค่าอาสา”อีกครั้ง ด้วยสายตาคู่ใหม่ ทัศนคติใหม่ ๆ ผมได้มีโอกาสนำสิ่งของไปให้คนที่ติดอยู่ที่บ้านกลางน้ำ ได้มีส่วนช่วยในการทำอาหารให้คนที่หนีน้ำมาอยู่ที่ค่าย ได้รอยยิ้มจากคนที่เราไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเค้า(ถ้ายิ้ม เป็นเหรียญบาท คงได้เป็นพันอ่ะ ^^) ตอนนั้นผมรู้สึกว่า “คุณค่า”ของชีวิตผม ค่อยๆเติมเต็มขึ้นมาทีละเล็กละน้อยอีกครั้ง และครั้งนั้นเองที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ และเข้าใจความหมายของ “การให้” มากขึ้นลึกซึ้งขึ้น (ขอซึ้ง ซักท่อนเถอะ เนอะ ^___^)...
...แล้วอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่ผมได้มีโอกาส step ชีวิตตัวเอง ออกจากโลกใบเดิมๆ โลกที่เราเปรียบดั่งฟันเฟืองชิ้นเล็กประติ๋วของระบบทุนนิยม ระบบที่ใช้การคำนวณตัวเลขตัดสินคุณค่าของหลายๆสิ่ง มาสู่โลกใหม่ที่สดใสซาบซ่าบ้ามหัศจรรย์ โลกที่อุดมไปด้วย “คนพันธุ์ให้” คนที่ต่างที่เกิด ต่างที่เรียน ต่างอายุ ต่างศาสนา ต่างสังคม สิ่งมหัศจรรย์สิ่งเดียวที่นำเรามารวมกันได้คือ “หัวใจ” ที่มาพร้อมกับ “การให้”...
…บ่องตงๆ(ตามกระแสนิสน๊า555) ผมป็นคนนึงที่ไม่ได้ให้ความสำคัญ กับ น้องๆผู้ด้อยโอกาส หรือ “ผู้รับ”เหล่านั้นซักเท่าไร คงอาจจะเพราะ ผมมองว่า “ ความประทับใจ ที่เกิดมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่า “เค้าได้อะไร” แต่มันเกิดขึ้นจาก “เค้าคาดหวัง” ไว้มากแค่ไหน” แต่ละคนก็มีความคาดหวังที่ต่างกันออกไป “ของธรรมด๊า ธรรมดาถ้าไปอยู่กับคนที่ต้องการ มันมีคุณค่าเสมอแหละครับ แต่กลับของพิเศษๆบางอย่าง ไปอยู่ผิดที่ ผิดเวลา ไปอยู่กับคนไม่เห็นคุณค่า ยังไงๆซะ มันก็ไม่มีความหมายสำหรับเค้าอยู่ดี ” (เหมือนเวลาคุณอกหักจากคนที่ไม่รักคุณงัย...ฮ่าๆๆๆ)
....สิ่งสำคัญ ของการออกค่ายครั้งนี้ของผม คงอยู่ที่พี่ๆน้องๆ “คนพันธุ์ให้” ที่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน เพราะน้องๆเหล่านี้แหละ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการแพร่กระจาย ขยายพันธ์ การเป็น “ผู้ให้” ต่อๆไปไม่รู้จบ( เหมือนพาหะยุงลายอ่ะ...^__^) ผมเชื่อว่า “ผู้ให้”ได้อะไรมากกว่าผู้รับเสมอครับ อาจเป็นเพราะ ผมเป็นคนเห็นแก่ตัวมั้ง มองในมุมตัวเองมากไป ผมไม่รู้จริงๆว่าผู้รับรู้สึกอย่างไร ประทับใจ ซาบซึ้งใจ มากน้อยแค่ไหนนี่นา แต่การเป็น “ผู้ให้” มันเริ่มตั้งแต่ วินาทีแรกที่เราคิดว่าจะให้ คุณค่า ในตัวเองมันก็เริ่มเกิดแล้ว ค่อยๆเพิ่มพูนมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนเราได้ทำ ได้ให้ จริงๆ แล้ว คุณค่า และความภูมิใจเหล่านั้น มันยังกลับมาทุกๆครั้งที่เราหวนนึกถึงมัน ...
...สิ่งเหล่านี้คงยืนยันความจริง ของ คำกล่าวที่ว่า “เมื่อไรที่เรารู้สึก ไม่มีคุณค่า ให้ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์” ของ P’โหน่ง a day (ไอดอล ผมเลยนะเนี่ย ....กรี๊ดดดดดดดดดด ^___^).....